ถ้าไม่อยากให้ลูกติดเชื้อ RSV ต้องทำยังไง?
เชื้อ ไวรัส RSV เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจ ได้ทุกกลุ่มอายุ ระบาดมากในกลุ่มเด็กอนุบาล และ เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
เชื้อไวรัส RSV จะเข้าสู่ร่างกายเรา ได้ทาง ตา ปาก จมูก และ การสัมผัสโดยตรง เช่น จับมือ หรือ เล่นของเล่นชิ้นเดียวกัน ( เชื้อไวรัสจะติดอยู่บนพื้นผิว )
โดยมีอาการได้ตั้งแต่ ไข้ ไอ น้ำมูก จนถึงขั้น
หอบเหนื่อย จาก #ปอดอักเสบรุนแรง และ #ระบบหายใจล้มเหลวได้
อาการมัก #รุนแรงในเด็กเล็ก และ เด็ก #กลุ่มเสี่ยง เช่น คลอดก่อนกำหนด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจแต่กำเนิด
ข้อมูล จาก Health Data Center (HDC) ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2566 … มีเด็ก อายุ ต่ำกว่า 5 ปี ติดเชื้อ RSV จำนวน 24,382 ราย
และ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 4 ราย !!!
การรักษา RSV ในปัจจุบัน …จะรักษาตามอาการ
และ ยังไม่มี #วัคซีนในเด็ก
แต่มี #ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ต่อเชื้อ RSV
สำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยงแล้ว
เด็ก #กลุ่มเสี่ยง ที่ควรได้รับ #ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เพื่อ #ป้องกัน และ #ลดความรุนแรงของโรค
(สามารถ ปรึกษาแพทย์ เรื่อง การป้องกัน RSV แบบใหม่ ได้)
#ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ #แอนติบอดีป้องกัน RSV ( เป็นยาฉีดที่ป้องกันโรค RSV รุนแรงในทารกและเด็กเล็ก )
….คือ ภูมิคุ้มกันของร่างกายใช้ในการต่อสู้กับเชื้อโรค ได้โดยตรงแก่ผู้รับ ฉีดแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องรอ ร่างกายสร้างภูมิต้านทานเองอีก
(วัคซีนแบบดั้งเดิม ….คือการฉีดบางส่วนของเชื้อเข้าไป เพื่อกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับสร้างแอนติบอดี อีกที )
โดย Antibody ที่ฉีดเข้าไป จะออกฤทธิ์ยับยั้งการเข้าสู่ host cell โดยจับกับ F protein บริเวณผิวของเชื้อไวรัส ทำให้เชื้อไวรัสไม่สามารถแบ่งตัวได้
คำแนะนำการป้องกันโรค RSV
✅ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่
✅ทำความสะอาด ของใช้ ของเล่น ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
✅หลีกเลี่ยง การสัมผัสใกล้ชิด กับผู้ป่วย
✅หลีกเลี่ยง ไป สถานที่แออัด
⚠️ ข้อสำคัญ
เมื่อลูกมีอาการ ไข้ไอ น้ำมูก หายใจหอบเหนื่อย
แนะนำ รีบพาไปพบแพทย์ เพื่อตรวจรักษาทันที
#ปอดจิ๋วปลอดภัยห่างไกลRSV #ProtectTinyLungs
TH-21487