fbpx

1. ช่วยเหลือตัวเอง
2. สื่อสาร เข้าใจ
3. ฝึกลูกให้มีสมาธิ
4. เรียนรู้การเข้าสังคม : ขอโทษ แบ่งปัน เข้าแถว
5. เข้าใจกติกาสังคม และไม่เอาแต่ใจ
6. มีความรับผิดชอบ
7. ลูกมั่นใจ ว่า พ่อแม่มีอยู่จริง

👉สอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ เช่น
เข้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างก้น ใส่หรือถอดเสื้อผ้าได้เอง กินข้าวได้เอง
สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเด็กใช้มือได้คล่อง : ของที่ช่วยพัฒนาประสาทมือของลูก คือ ของเล่น
เมื่อเด็กได้สัมผัสของเล่นทั้งสองมือ สมองทั้งสองซีกก็จะได้รับการพัฒนาไปด้วย
👉 สื่อสาร ได้เข้าใจ
ทั้งในเรื่องของการฟัง และการพูด
ลูกสามารถพูดได้ว่า ต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร เช่น ถ้ามีเพื่อนมาแย่งของเล่นของลูกแล้ว ลูกจะต้องพูดโต้ตอบเพื่อนอย่างไร
ถ้าลูกสามารถบอกความต้องการของตนเองกับคนอื่นๆ ได้แล้ว เขาก็สามารถปรับตัวให้เข้าสถานที่ใหม่ ๆ อย่างโรงเรียนได้เร็วยิ่งขึ้น และยังลดพฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆ ลงได้อีกด้วย
เตรียมซ้อมสถานการณ์บางอย่างกับลูก เช่น เวลาที่เห็นเพื่อนเล่นของเล่น สอนลูกพูดขอเล่นไม่แย่งของคนอื่น และถ้ามีคนมาขอเล่นของๆเรา ถ้าลูกอยากแบ่งให้เล่นก็แบ่งได้
👉ฝึกให้ลูกมีสมาธิ นั่งนิ่งให้พอได้ เวลาทำกิจกรรม
แนะนำ ให้คุณพ่อคุณแม่หากิจกรรมทำร่วมกันกับลูก เช่น การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ ขอเป็นเวลาเดิมๆสม่ำเสมอ
การอ่านหนังสือกับลูก เป็นการฝึกทักษะการฟัง และความเข้าใจเรื่องราวให้ลูกน้อยได้อีกด้วย และที่สำคัญยังเป็นการฝึกในเรื่องของสมาธิให้ลูก เพื่อเตรียมพร้อมในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
👉 เรียนรู้การเข้าสังคม
เช่น การรู้จักการแบ่งปัน การรู้จักระเบียบวินัย การเข้าแถว หรือการรู้จักดูซ้ายดูขวาทุกๆ ครั้งก่อนข้ามถนน ทำผิดแล้วขอโทษ เป็นต้น
👉 เข้าใจกติกาของสังคม คือ ไม่ทำร้ายตนเอง /คนอื่น/ข้าวของ ซึ่งควรเป็นกติกาที่ควรมีตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน
❗️ไม่เป็นเด็กเอาแต่ใจ
คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นและให้โอกาสลูกมาก ๆ ต้องปรับเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มง่ายๆ เช่น ปู่ย่าตายายที่มักโอ๋เด็ก คิดว่าหลานยังเล็ก ไม่เป็นไรปล่อยไปก่อน เดี๋ยวเข้าโรงเรียนแล้วค่อยมาฝึก ซึ่งการทำแบบนี้จะยิ่งทำให้นิสัยเอาแต่ใจติดเป็นความเคยชิน เมื่อโตขึ้นก็จะแก้ไขยากมากๆ ดังนั้นการเลี้ยงเด็กต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งบ้าน
👉 มีความรับผิดชอบ
ก่อนเข้าโรงเรียนคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบ #หน้าที่บางอย่างในบ้าน เช่น ช่วยรดน้ำต้นไม้ ช่วยหยิบไม้หนีบผ้าตอนที่แม่ตากผ้า ช่วยถูพื้นเล็กๆ น้อยๆ ฯลฯ
และหากคุณพ่อคุณแม่ทำงานอะไร ก็สามารถมอบหมายหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกน้อยช่วยได้ เพราะเด็กแทบทุกคนอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมของพ่อแม่อยู่แล้ว
แม้ในระยะเริ่มต้นที่ให้เด็กลองทำอาจจะทำให้งานได้ช้าหรือเสี่ยงสกปรก เสียเวลาไปบ้าง แต่ก็คุ้มค่าที่จะฝึกนิสัยความรับผิดชอบ เพราะเมื่ลูกโตขึ้นก็จะสามารถรับผิดชอบหน้าที่ช่วยตัวเองและช่วยครอบครัวได้
👉 ลูกมั่นใจ ว่า พ่อแม่มีอยู่จริง
สายสัมพันธ์นี้สร้างได้จาก การ อุ้ม กอด บอกรัก และเล่นกับลูก ตั้งแต่เค้ายังเล็ก
…..เมื่อมาโรงเรียน การที่พ่อแม่ไม่อยู่ แต่ พ่อแม่บอกว่า จะต้องไปทำงาน และลูกต้องไปโรงเรียน
‘ลูกจะเข้าใจว่า พ่อแม่ไม่ได้หายไปไหน’ แค่ไม่ได้เห็นกันสักพัก การงอแงอาจมีบ้าง แต่ไม่มาก พอเข้าใจได้
…. ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการเปิดเทอม เด็กเล็กๆ มักจะร้องไห้งอแงไม่อยากไปโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพัฒนาการตามวัย
…..ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ต้องวิตกกังวลอะไรมากไปนะคะ เพราะเด็กส่วนใหญ่จะปรับตัวและดีขึ้นได้เองหลังจากเวลาผ่านไป
🌈ทำอย่างไร เมื่อ #ลูกร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน
* ช่วงแรกๆ คุณพ่อคุณแม่ควรไปรับส่งลูกด้วยตัวเอง เพื่อให้เขามั่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน
* คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ร้องไห้หรือแสดงทีท่าวิตกกังวลตามลูก เพราะจะยิ่งทำให้ลูกวิตกกังวลมากขึ้น
* ระหว่างแต่งตัว เตรียมตัวไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรชวนลูกพูดคุยให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
* อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลที่เด็กๆ จะต้องไปโรงเรียน
* เมื่อถึงโรงเรียนแล้วให้คุณพ่อคุณแม่ส่งลูกด้วยท่าทางสงบ มั่นคง และบอกให้เขารู้ว่าพ่อแม่จะมารับเขาหลังเลิกเรียน
* คุณพ่อคุณแม่ควรมารับลูกให้ตรงเวลาตามที่สัญญาไว้เสมอ

🌈เช็คลิสต์ เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอม
✅ฝึกลูกตื่นนอนให้เป็นเวลา
✅สอนลูกเรื่องการเข้าห้องนํ้าสาธารณะ ขับถ่ายให้เป็นเวลา
✅สอนลูกให้รู้จักพูดคำสุภาพ ทักทาย ขอบคุณ ขอโทษ โดยอาจจะเล่นบทบาทสมมติกันบ่อยๆ
✅สอนลูกให้รู้จักป้องกันโรคโดยปิดปากทุกครั้งเมื่อไอหรือจาม ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
✅สอนเรื่องความปลอดภัย เช่น ไม่ตามคนแปลกหน้า ระวังรถ
✅ ฝึกลูกให้รู้จักเวลา ว่าเวลาไหนต้องทำอะไร เช่น เวลากินข้าวต้องกิน ไม่ใช่เล่นไปกินไป
✅สอนสัญญาณบอกลาเมื่อไปส่งตอนเช้า เช่น การกอด หอมแก้ม เพื่อให้ลูกรู้ว่าคุณต้องไปแล้ว
✅หาวิธีจัดการกับของที่ลูกติดมากๆ และอยากนำไปโรงเรียนด้วย อาจใช้วิธีถ่ายรูปให้ลูกพกติดตัวไป หรือของแทนใจชิ้นเล็กๆ
✅สอนลูกจัดกระเป๋า เช่น ใส่ของหนักไว้ตรงกลาง ไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง สะพายด้วยไหล่ทั้งสองข้าง
✅ติดชื่อลูกที่ของทุกอย่าง
✅จดรายชื่อให้คุณครูรู้ว่าผู้ที่จะมารับลูกได้มีใครบ้าง

👩‍⚕️จริง ๆ แล้วการเตรียมความพร้อมเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกไม่ใช่ว่าจะมาเตรียมกันตอนก่อนเข้าโรงเรียนเท่านั้น เพราะพัฒนาการของลูกไม่ใช่สิ่งที่จะมาเนรมิตได้ภายในข้ามคืน
👍คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมมา #ตั้งแต่ขวบปีแรก เรียกว่าในช่วง 3 ขวบปีแรกก่อนที่จะเข้าเรียน ซึ่งเมื่อถึงเวลาจะได้ไม่ต้องมาเร่งลูกหรือกังวลว่าลูกจะไม่พร้อม

❤️ด้วยรักจากหมอมะเหมี่ยว
แพทย์หญิงสุทธิชา อู่เงิน
กุมารแพทย์
#bambini #BabyWellnessCenter
#คลินิกเด็ก #ศูนย์พัฒนาการเด็ก #วัคซีนเด็ก
#ลูกอนุบาล