ฉีดวัคซีนเสริมกันไปทำไม?
เปลืองเงินเปล่าๆ
คำถามยอดฮิตที่ต้องตอบทุกวันในห้องตรวจ คือ เรื่องวัคซีนเสริม ว่า มีกี่ตัว ควรฉีดอะไรบ้าง
เลยขอพื้นที่เล็กๆตรงนี้ อธิบายนะคะ
ความเข้าใจของคุณพ่อคุณแม่ หลายๆคนคิดว่า ลูกเราแข็งแรงดี กินนมแม่ คลอดครบกำหนด ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเสริม
…..อันนี้ จริงครึ่ง ไม่จริงครึ่งค่ะ
(อ่านให้จบ แล้วจะเข้าใจ )
.
🌈วัคซีนตัวหลัก หรือวัคซีนพื้นฐานในประเทศไทย ได้แก่
✔️วัคซีนวัณโรค (BCG) จะฉีดเมื่อแรกเกิด
✔️วัคซีนตับอักเสบบี (HB) ควรฉีดตั้งแต่แรกเกิดและ 2 เดือน, 6 เดือน
✔️วัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน(DTP)ฉีดตั้งแต่ 2, 4, 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี และฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 11-12 ปี (dT)
✔️วัคซีนโปลิโอ (OPV) ควรให้ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4, 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี
✔️วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 9-12 เดือน และ 2 ปี 6 เดือน
✔️วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 9-12 เดือน และ 2 ปี 6 เดือน
.
⭐️วัคซีนเสริม คือ วัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี มีประโยชน์ในการป้องกันโรค แต่!!ไม่ได้อยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข (วัคซีนพื้นฐาน) เพราะ เกินงบ5555
(ไม่ได้อยู่ในแผนประเทศไทย แต่อยู่ในแผนประเทศอื่นนะคะ เช่น พม่า อเมริกา ยุโรป)
พม่า ….เค้ามี วัคซีนเสริมในโปรแกรมของเค้าจริงๆ นะคะ!!
.
⭐️วัคซีนเสริม ที่มี ก็คือ
✔️โรคอุจจาระร่วงโรต้า (Rota)
✔️วัคซีนเสริมป้องกันโรค คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ชนิดไร้เซลล์ (ตามที่มี ในคลินิกและโรงพยาบาลเอกชน หรือที่เรียกว่าแบบไม่มีไข้)
✔️วัคซีนเสริมป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด (IPV) ฉีดช่วง 2,4 และ 6 เดือน
✔️วัคซีนเสริมป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ (Hib) ฉีดตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4 และ 6 เดือน
✔️วัคซีนเสริมป้องกันโรคอีสุกอีใส(Varicella) ควรฉีดที่ อายุ 1 ปีขึ้นไป
และกระตุ้นภูมิอีกครั้งตอน 4-6 ปี
✔️วัคซีนเสริมป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ (HepA) ควรฉีดที่ อายุ 1 ปีขึ้นไป
✔️วัคซีนเสริมป้องกันไอพีดี (IPD หรือนิวโมคอคคัส คอนจูเกต) จะมีทั้งแบบ 10 สายพันธ์ และ 13 สายพันธ์ ให้เลือก ฉีดตอนอายุ 2,4,6 เดือน และ 12-18 เดือน
✔️วัคซีนเสริมป้องกันไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดในเด็กปีละครั้ง ช่วงก่อนฤดูฝน โดยสามารถฉีดในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
✔️วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีนเอชพีวี (HPV)สามารถฉีดได้ตั้งแต่ อายุ 9 ปีขึ้นไป ทั้งหญิงและชายเลยคร่า (แม้ลูกชายจะไม่มีมดลูก แต่มันก็สามารถป้องกันโรคหูดหงอนไก่ และมะเร็งทวารหนักได้)
.
วัคซีนเสริม ทุกตัว ผ่านการศึกษาวิจัยมาแล้ว ว่า มีประโยชน์ มากกกว่า ไม่ได้ฉีดแน่นอน ถึงแม้เป็นโรคก็จะลดความรุนแรงของโรคลงได้
(การฉีดวัคซีนไม่ได้แปลว่า ไม่เป็นโรค แต่จะช่วยให้ลูกเรามีภูมิต้านทานบ้าง ทำให้โรคไม่รุนแรง )
.
การที่เด็ก 1 คน ป่วย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ท้องเสียจากโรต้าไวรัส นอน 1 คืน ใน รพ.รัฐบาลถึงแม้จะ ฟรี ค่ารักษา ค่ายา แต่ ที่ต้องเสียคืองานและรายได้ของพ่อแม่ เท่าไหร่ก็ว่าไป แต่ที่รัฐบาลต้องเสียคือ 2-4 พันบาท/เคส
แต่ถ้าลูกเรานอนโรงพยาบาลเอกชนก็ตกประมาณคืนละ 2 หมื่นบาท
ยังไม่รวมค่าขวัญเสียของลูกตอนโดยแทงเข็มเปิดเส้น และตอนลูกโดยเสาน้ำเกลืกกักกันอาณาเขตไว้ไม่ให้ไปไหน
.
บางคนคิดว่า วัคซีนสุกใส ไม่จำเป็น แต่หมออยากบอกว่า ถ้าเป็นแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อน มันรุนแรงมากได้ เช่น สมองอักเสบ ตับอักเสบ ปปดอักเสบ ยิ่งถ้าเป็นช่วงท้องสามเดือนแรกยิ่งอันตราย อาจจะทำให้ทารกพิการได้ !!!!
.
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้ามีโอกาสหรือพอมีกำลังทรัพย์ส่วนตัว เสริมวัคซีนให้ลูกน่าจะดีกว่า รอลูกป่วยต้องนอนโรงพยาบาลหรือมีปัญหาแทรกซ้อนนะคะ
.
ฉีดวัคซีนก่อนป่วย
ดีกว่าป่วยแล้วต้องมาแก้กันค่ะ
#ด้วยรักจากหมอมะเหมี่ยว
❤️โพสหน้า จะมาให้รายละเอียดของวัคซีนเสริมแต่ละตัวนะคะ